วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ผู้ลงนามและผู้สนับสนุนการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นช.ทักษิณ จะต้องรับผิดชอบทางกฎหมายอย่างไร


9 กรกฎาคม 2552

สน.ลุมพินี 9 กรกฎาคม 2552
รายงานประจำวันลำดับ 5 เวลา 16:30 น.

ได้มีการแจ้งความให้ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญากับกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นช.ทักษิณดังนี้


- ให้ดำเนินคดีต่อผู้ลงนามถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นช.ทักษิณ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 192 และ 309

มาตรา 192 ความผิดฐานช่วยด้วยประการใดให้ผู้ที่หลบหนีจากการคุมขังตามอำนาจของศาล เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 309 ความผิดฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น ถ้าความผิดได้กระทำโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

- ให้ดำเนินคดีต่อผู้โฆษณาเผยแพร่การลงนามถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นช.ทักษิณตามมาตรา 85 ความผิดฐานโฆษณาหรือประกาศแก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่าหกเดือน ระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

- ให้ดำเนินคดีต่อผู้รวบรวมฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ นช.ทักษิณตามมาตรา 86 ความผิดฐานช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ก่อนหรือขณะกระทำ ความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น

เหตุผลที่การยื่นถวายฎีกาเป็นความผิดเนื่องจาก

ผู้แจ้งความในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพในการวิเคราะห์ ซึ่งได้วิเคราะห์การก่อกบฏล้มล้างการปกครองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มีหลักฐานจำนวนมากที่จะพิสูจน์ในศาลว่า ฎีกามีเนื้อความเป็นเท็จทั้งสิ้น ซึ่งอันที่จริงผู้นำในระดับโลกจำนวนมากทราบกลยุทธ์การหลอกลวงของกลุ่มบุคคลที่ดำเนินการนี้หมดแล้ว (จากบทความ A New Weapon Called LIES ของผู้แจ้งความ) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มีการปฏิเสธ นช.ทักษิณในสังคมโลกกันอย่างกว้างขวาง แต่การที่คนไทยจำนวนมากไม่ทราบเป็นเพราะขาดการเข้าถึงข้อมูล และขาดความรู้ประสบการณ์ในการวิเคราะห์

เมื่อฎีกามีเนื้อความเป็นเท็จ การยื่นถวายฎีกาจึงเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต
เมื่อเป็นการกระทำที่ไม่สุจริต ประชาชนจึงไม่มีสิทธิเสรีภาพที่จะกระทำ
ประชาชนจึงต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเป็นรายบุคคล

ในฐานะผู้อ้างใช้สิทธิ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายในการกระทำของตนเอง ในการเข้าร่วมกระบวนการก่อกบฏล้มล้างการปกครองและเรียกร้องสิทธิต่างๆโดยไม่สุจริต โดยจะอ้างว่าถูกหลอกลวงมิได้ เหตุเพราะสิทธิเป็นสิ่งควบคู่กับหน้าที่ หากจะใช้สิทธิอันมีผลกระทบกับชาติบ้านเมืองและสถาบันฯ ก็ต้องมีหน้าที่ใช้สมองและศึกษาให้ทราบว่าอะไรเป็นสิ่งผิดอะไรเป็นสิ่งถูกทั้งตามกฎหมายและหลักจริยธรรมสำนึกของความเป็นหน่วยสังคมที่ต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีกฎเกณฑ์ ทั้งที่ตราขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรและที่เป็นข้อกำหนดซึ่งแม้ไม่ได้เขียนไว้แต่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปของสังคม ไม่สามารถเลือกปฏิบัติให้เกิดความเหลื่อมล้ำได้ รวมทั้งจะอ้างว่าไม่ทราบกฎหมายไม่ได้

ให้สังเกตข้อความท้ายฎีกาที่ว่า “ให้อ่านข้อความให้เข้าใจโดยละเอียด หากเห็นชอบและมีความสมัครใจ จึงลงนาม” ในส่วนนี้เป็นการโอนความรับผิด หมายความว่า ผู้จัดถวายฎีกาจะไม่รับผิดชอบในการที่ผู้ลงนามจะมาหลงเชื่อเนื้อความเท็จในฎีกา ทุกคนต้องรับผิดชอบเอาเองหากมีอะไรเกิดขึ้น

ตัวบุคคลหลักที่จัดถวายฎีกาทั้งหมด กำลังถูกดำเนินคดีข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์เพื่อก่อการกบฏล้มล้างการปกครอง ผู้เข้าร่วมกระบวนการกับบุคคลกลุ่มนี้ กำลังถูกแจ้งความในข้อหาสมคบก่อการกบฏ ยกตัวอย่างเช่น กรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง ระหว่างปี 2550-2552 ผู้เข้าร่วมลงนามถวายฎีกา มีโอกาสถูกพิจารณาว่าสมคบก่อการกบฏเช่นเดียวกัน

หมายความว่า นอกจากมาตรา 192, 309, 85, 86 แล้วแต่ความผิดที่กระทำแล้ว ยังอาจมีความผิดในสิ่งที่ผู้อื่นไปก่อ ตามมาตราที่เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏ เช่น 113 (โทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต), 114 (ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี), 116 (ระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี) ฯลฯ อีกด้วย

พึงระลึกอยู่เสมอว่า สิทธิเป็นสิ่งควบคู่กับหน้าที่


วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Luksna-FCCT case: first lesson to reveal "Freedom of Deceit" against "Freedom of Speech"


Luksna-FCCT case: on June 30, 2009 FCCT Thailand board was accused of committing lese majeste

As an information specialist and management system consultant working on a doctoral research, Luksna Kornsilpa detects the abuse of "Freedom of Speech" as a means for "Freedom of Deceit" realization.

In the world of uncontrolled information overflow, LIES with dishonest purposes are passed efficiently over the mass media channels. Some have the target to erode national security.

In Thailand, the effort to change country's foundation was announced purposely by treason leaders at FCCT. And a means to that change is through LIES. As traitors themselves have no proof of being capable national leader, they need to soil the existing foundation with LIES.

Among LIES to soil country foundation, lese majeste is most frequently used.

Surprisingly, FCCT board got involved in the LIES content fabrication and distribution!

As judicial process might not have access to the cases filed against traitors, as they have often been screened out at the upstream authorities; the case filed against FCCT should finally bring back all rejected cases directly to the judiciary.

When the case is analyzed in court, mass media around the world would realize how "Freedom of Deceit" is discriminated from "Freedom of Speech".

Mass media cry for rights without duties and responsibilities. This will be their first lesson that, in order to possess rights, ones need to show adequate duties and responsibilities.

And this is a part of the many duties of the information specialist called Luksna, in the effort to make world information cleaner.

Remark: Luksna Kornsilpa is the author of "The New Weapon Called LIES" article already distributed to many World Leaders.