วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

“สีกากีเปื้อนเลือด” กี่กองร้อยก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าจะไปยืนเฉยๆ

เมื่อสีกากีเป็นทาสหัวหน้าแก๊งเสื้อแดง ก็คงต้องพินอบพิเทาอาชญากรตลอดไปอย่างไร้ศักดิ์ศรี
ลักษณา กรณ์ศิลป
25 ธันวาคม 2551


สำหรับกรณีรัฐบาลใหม่จะถูกแก๊งเสื้อแดงปิดล้อมในวันแถลงนโยบาย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า “นปช. ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่น่ามีปัญหา เพราะต่างก็หวังดีกับประเทศชาติ”

- ฆ่าทำร้ายประชาชนที่อุดร เพื่อไม่ให้รับฟังเรื่องนักการเมืองทักษิณทุจริตขายชาติ โดยตำรวจยืนดูเฉยๆ
- รุมฆ่าบิดาผู้ประกอบการวิทยุชุมชนที่เชียงใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่านักการเมืองกลุ่มทักษิณจะประชุม ครม. ได้อย่างราบรื่น โดยตำรวจยืนดูเฉยๆ
- ขว้างหินและน้ำกรดใส่ผู้ได้เป็นรัฐบาลใหม่แทนที่นักการเมืองกลุ่มทักษิณ รวมทั้งเอามีดจี้คุกคาม โดยตำรวจยืนดูเฉยๆ
ฯลฯ

ต้องโง่ขนาดไหน จึงจะไม่รู้ว่าแก๊งเสื้อแดงคืออาชญากร ต้องตาบอดขนาดไหนจึงจะไม่เห็นความพินอบพิเทาของตำรวจต่อแก๊งเสื้อแดง

เมื่อสีกากีเป็นทาสหัวหน้าแก๊งเสื้อแดง ก็คงต้องพินอบพิเทาอาชญากรตลอดไปอย่างไร้ศักดิ์ศรี


การที่ฝูงคนพกพาสิ่งที่ทำให้คนตายได้ มารวมตัวกันเพื่อ รุมประทุษร้ายต่อชีวิตทรัพย์สิน มันคือการกระทำของอาชญากรที่มีความอำมหิตในสันดาน แต่ตำรวจทหารระดับสูงพากันหน้ามืดตามัวยกระดับว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้ชุมนุม เป็นการเปิดทางสะดวกให้ฝูงโจรใช้เป็นวิธีแอบอ้างเพื่อยกโขยงกันไปคุกคามที่นั่นที่นี่ เข้าเข่นฆ่าทำร้ายประชาชน จนถึงขั้นเดือดร้อนแสนสาหัสได้ตามใจชอบ เป็นการทำลายความมั่นคงปลอดภัยของสังคมและประเทศชาติ ปัจจุบันยกระดับมาคุกคามจนถึงขั้นผู้บริหารรัฐบาลฝ่ายที่ตนต้องการแย่งชิงอำนาจ ซึ่งหากปล่อยไปก็จะยกระดับไปอีกเรื่อยๆ ตามที่กลุ่มทักษิณแสดงละครชี้นำไว้ในวันทักษิณโฟนอิน ซึ่งทั้งหมดนี้หากเป็นไปได้มันเป็นความผิดของทั้งตำรวจและทหารโดยตรง

ตามข่าว พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวต่อไปว่า “ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่หรือเวลาในการแถลงนโยบายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่หากหลีกเลี่ยงความรุนแรงหรือเหตุปะทะได้ก็เป็นเรื่องที่ดี”

พล.ต.อ.พัชรวาทจะให้รัฐบาลเลื่อนการทำงานเพื่อหลีกการปะทะกลุ่มอาชญากร?

ขอโทษที ถ้าผู้เขียนเป็นรัฐบาล พล.ต.อ.พัชรวาท จะไม่ต้องทำงานเป็นตำรวจอีกต่อไป


เอกสารอ้างอิง:

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.spx?NewsID=9510000151583

“พัชรวาท” ทุ่มกำลังเกือบ 3 พันนาย ดูแลรัฐบาลแถลงนโยบาย

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
25 ธันวาคม 2551 14:54 น.

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทุ่มกำลังเกือบ 3,000 นาย ดูแลรัฐสภาในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบาย ปัดกลับมานั่ง ผบ.ตร.ไม่เกี่ยวกับพี่ชาย ยันตลอดการรับราชการทำงานด้วยความบริสุทธิ์

วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยในการที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในวันที่ 29 ธ.ค.ว่า จากข้อมูลเบื้องต้นกลุ่มผู้ชุมนุมแนวประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พบว่า จะมีการนัดรวมตัวกันตั้งวันที่ 28-30 ธ.ค.ซึ่งยังไม่แน่ชัด ซึ่งตำรวจได้เตรียมกำลังไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยทั่วบริเวณทั้งภายในรัฐสภามี 8 กองร้อย โดยรอบ 6 กองร้อย และรอบนอกตั้งตรวจ 5 กองร้อย รวม 2,850 นาย

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ทั้งนี้ ตำรวจได้กำหนดโซนชุมนุมให้กลุ่ม นปช.ซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน ไม่น่ามีปัญหา เพราะต่างก็หวังดีกับประเทศชาติ ตำรวจพยายามพูดคุยเจรจากับแกนนำ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่หรือเวลาในการแถลงนโยบายหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่หากหลีกเลี่ยงความรุนแรงหรือเหตุปะทะได้ก็เป็นเรื่องที่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนยังสงสัยการกลับมาทำหน้าที่ ผบ.ตร.ว่า เกี่ยวข้องกับการเมือง พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า การรับราชการเป็นเรื่องปกติเมื่อถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการได้ ก็สามารถกลับมาได้ ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ชาย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ก็พูดคุยกันตามปกติ แต่ไม่มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.กล่าวหาว่า ทุจริต พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ตลอดการรับราชการยืนยันว่าทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ เชื่อว่า ทำงานทุกอย่างตรงไปตรงมาตามขั้นตอน และหวังดีกับประเทศชาติ

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

Camouflage ในการชุมนุม

เมื่อมีผู้ต้องการให้การชุมนุมดูต่างไปจากความเป็นจริง

11 กันยายน 2551


Camouflage คือการปลอมตัวหรือพรางตา
ตาม เอกสารประกอบชุดที่ 1 ความประสงค์ของ Camouflage คือเพื่อกลบเกลื่อนรูปลักษณ์ภายนอก โดยทำให้ดูกลมกลืนกับสิ่งรอบข้าง เป็นผลให้สังเกตเห็นความแตกต่างได้ยาก กรณีที่ใช้ในทางทหาร เป็นไปเพื่อพรางตาไม่ให้ข้าศึกสังเกต มีการใช้สีและลวดลายบนเสื้อผ้าและหมวกให้เหมือนต้นไม้ ซึ่งมีการเปลี่ยนตามฤดูกาลอีกด้วย นอกจากนั้น ยังมีการใช้สีและลวดลายบนยานพาหนะเช่นกัน

ใน เอกสารประกอบชุดที่ 2 จะเห็นวิธีการ Camouflage ของบรรดาสัตว์ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสังเกตตนเอง เพื่อความอยู่รอด หรือเพื่อเข้าโจมตีทำร้ายอีกฝ่าย

การปลอมตัวหรือพรางตาจึงเป็นเทคนิคที่ใช้กันโดยทั่วไปในโลกนี้
สำหรับการชุมนุมพันธมิตร ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามคือรัฐบาลและบรรดาผู้มีผลประโยชน์ร่วมกับรัฐบาล
การชุมนุมเป็นไปเพื่อสกัดกั้นการแก้รัฐธรรมนูญ การคอร์รัปชั่น และการผลาญทำลายชาติเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองที่ได้เป็นรัฐบาล และพวกพ้อง

ผู้ชุมนุมเป็นกลุ่มที่เดือดร้อนจากการคอร์รัปชั่นของนักการเมือง มีความรักชาติและสถาบันที่เป็นองค์ประกอบหลักของชาติ และได้ศึกษามาพอที่จะมองเห็นแล้วว่า หนทางปกติในการแก้ไขปัญหา ไม่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่จะได้รับผลกระทบเลวร้ายต่อไปในอนาคตคือลูกหลานของพวกเขาเอง

ดังนั้น ลักษณะร่วมของผู้เข้าชุมนุมส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีรายได้ คนวัยทำงาน ครอบครัว และนักศึกษา จึงไม่มีลักษณะกุ๊ย ชั่ว หรือไร้สติปัญญา (ดู เอกสารประกอบชุดที่ 3)

การชุมนุมอยู่ในลักษณะมีระบบระเบียบ มีสันติ มีความเป็นอารยะ ที่พิสูจน์มาแล้วถึงร้อยกว่าวัน โดยไม่ไม่มีการพกอาวุธเพราะเป็นที่ชัดเจนว่าหากถูกตรวจจะได้รับข้อหา เป็นเหตุให้การชุมนุมต้องสิ้นสุดลง จึงมีติดตัวได้เฉพาะเครื่องใช้ไม้สอยที่พอจะอาศัยป้องกันอันตรายเป็นรายบุคคล เช่น ร่ม อุปกรณ์กีฬา

เมื่อฝ่ายตรงข้ามต้องการให้การชุมนุมสลาย มีวิธีเดียวก็คือ ต้องทำให้การชุมนุมผิดกฎหมาย

ในเมื่อผู้เข้าชุมนุมไม่กระทำผิดกฎหมาย การจะสลายการชุมนุมโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมความดีงามใดๆ ก็คือต้องปลอมตัวเข้าไปกระทำการแทนแล้วยกความผิดให้

… ใส่อาวุธเข้าไปแล้วตั้งข้อหาซ่องโจร จนถึงกบฏ ... ใส่ความรุนแรงเข้าไปแล้วตั้งข้อหาก่อความไม่สงบ …

แค่ให้พวกกล้าทำชั่วผูกผ้าสีเหลือง ใส่หมวกเหลือง ใส่เสื้อเหลือง หรือไม่ต้องใส่สัญลักษณ์ใดๆ เข้าไปทำท่าเป็นผู้ชุมนุม ก็เป็นการ Camouflage ที่ทั้งต้นทุนถูกและง่ายดาย ซึ่งมีผู้ขานรับที่จะมองเห็นบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ชุมนุมกันมากมาย

บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเน้นย้ำว่า ในเมื่อเป็นที่ทราบกันแล้ว ว่าการใช้วิธี Camouflage เข้าไปปะปนในที่ชุมนุมเพื่อกระทำผิดกฎหมายแล้วยัดเยียดข้อหา สามารถทำได้โดยง่าย การยึดสัญลักษณ์ที่ใช้ทำ Camouflage เป็นสิ่งบ่งชี้ผู้ชุมนุมเวลาตรวจพบกรณีผิดกฎหมาย จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาบิดเบือนกลั่นแกล้งโดยตรง (อ่าน เอกสารประกอบชุดที่ 4-10 เพื่อศึกษาลักษณะการบิดเบือนกลั่นแกล้ง)

ที่เลวร้ายที่สุดคือ กรณีฆ่าคนตาย อาจเป็นการวางแผนล่วงหน้าโดยทั้งฝ่ายฆ่าและฝ่ายถูกฆ่าได้รับการจ้างวานด้วยหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งฝ่ายฆ่าใช้วิธีการ Camouflage เพื่อให้เกิดการยัดข้อหาให้กับผู้ชุมนุม

-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 1 การพรางตาในทางทหาร
http://en.wikipedia.org/wiki/Military_camouflage
… the intent of camouflage is to disrupt an outline by merging it with the surroundings, making a harder target to spot or hit …

-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 2 การพรางตาของสัตว์
http://animals.howstuffworks.com/animal-facts/animal-camouflage-pictures.htm

-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 3 ลักษณะร่วมของผู้ชุมนุม ไม่มีลักษณะกุ๊ย-ชั่ว-ไร้สติปัญญา และไม่มีอาวุธ

-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 4 ลักษณะร่วมของฝ่ายรัฐบาล มีลักษณะกุ๊ย-ชั่ว-ไร้สติปัญญา และมีอาวุธ

-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 5 ในช่วงก่อนความพยายามสลายการชุมนุม มีกลุ่มคนลักษณะแตกต่างจากผู้ชุมนุมแทรกซึมเข้าไปในการชุมนุมเป็นจำนวนมาก (การสังเกตความแตกต่างใช้หลายเงื่อนไขร่วมกัน)
-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 6 ลักษณะภาพข่าวตั้งใจเน้นย้ำบางความหมาย
นสพ. ข่าวสด 4 กันยายน 2551

คำอธิบายภาพ:

ไทยทำไทย (ภาพซ้าย)
นปช.รายหนึ่งถูกอาวุธ ลงไปกองกับพื้น ท่ามกลางวงล้อมของฝ่ายพันธมิตร ระหว่างการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย
นองเลือด (ภาพขวา)
นปช.อีกรายหนึ่งที่ถูกทำร้ายเลือดอาบสลบเหมือด ระหว่างเหตุการณ์จลาจลนองเลือด ... อันเป็นที่มาของการประกาศใช้ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน

Comment:

การแสดงภาพผู้แต่งกายที่มีส่วนของสีเหลืองกำลังจัดการคนแต่งกายสีแดงถึงสองภาพในหนึ่งหน้า นสพ. เน้นย้ำให้เกิดการซึมซับว่าพันธมิตรเป็นผู้เข้าทำร้าย นปช.อย่าง โหดร้ายมาก ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี เช่น คอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งกล่าวว่า “การศึกต้องมีมนุษยธรรม … เมื่อศัตรูคนหนึ่งหมดสภาพที่จะสู้รบก็ต้องไว้ชีวิตหรือช่วยพยาบาลถ้าทำได้ อย่าทำร้ายอย่างเมามันทารุณดังที่เห็นในภาพข่าว”

ผู้ที่ซื่อหรืออ่อนประสบการณ์เกินไปจะไม่เฉลียวใจว่า ในความเป็นจริงของโลกที่มี Camouflage เป็นปกติวิสัย ผู้แต่งกายที่มีส่วนของสีเหลืองไม่จำเป็นต้องใช่พันธมิตร วิธีใช้ข้อมูลต้องตั้งข้อสงสัยให้เป็น เช่น

ข้อสงสัยในภาพซ้าย
- ข่าวระบุว่าบริเวณเป็นวงล้อมของฝ่ายพันธมิตร แต่ปรากฏว่าด้านหลังมีผู้โพกผ้าสีแดงยืนเรียงราย แสดงว่าน่าจะเป็นวงล้อมของฝ่าย นปช.มากกว่า
- ลักษณะการยืนเหยียบผู้ที่ฟุบหน้า แสดงท่าเหมือนภาพตำรวจเหยียบประชาชน รวมทั้งยังอุตส่าห์มีไม้สองอันมาแสดงอยู่ด้วย ตาม เอกสารประกอบชุดที่ 7 คล้ายจะเป็นการแสดงเพื่อใช้แก้ภาพพจน์ของฝ่ายรัฐบาลว่า อย่างไรเสียก็เลวพอกัน แต่ความที่เหมือนจนเกินกว่าจะเป็นการบังเอิญ ทำให้ดูแล้วเป็นการสร้างภาพสถานการณ์ด้วยความคิดอ่านที่ค่อนข้างตื้น
- ลักษณะทั้งสามคนที่ยืนเห็นหน้า ไม่เหมือนลักษณะร่วมของผู้ชุมนุมใน เอกสารประกอบชุดที่ 3 แต่เหมือนไปทางอีกฝ่าย ดังแสดงใน เอกสารประกอบชุดที่ 4 และ 5
ข้อสงสัยในทั้งภาพซ้ายและภาพขวา
- ลักษณะการตีและเหยียบรวมทั้งลักษณะการหิ้วแกมลากผู้บาดเจ็บอย่างโหดร้าย ผู้กระทำที่อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายตามปกติจะไม่กล้าโชว์ตัวหราคู่กับการกระทำป่าเถื่อนให้ใครบันทึกภาพ เพราะจะเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี การที่เบื้องหน้าเป็นตากล้อง** แล้วยังกล้าแอ๊คท่าโหดร้าย ทำให้ประเมินได้ว่า ผู้กระทำไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายตามปกติ ทำให้น่าสงสัยว่าจะมีการตกลงให้แสดงฉากนี้

** ใน เอกสารประกอบชุดที่ 8 จะเห็นว่าจำนวนตากล้องไม่ได้มีเพียงแค่ 1-2 คน แต่มีเป็นทีม
ข้อสงสัยทั้งหมดสนับสนุนข้อสรุปว่า มีการใช้ Camouflage ในการชุมนุมและในการสร้างเหตุรุนแรง ซึ่งผลของเหตุรุนแรงมีคนตายนั้น อาจเป็นการกำหนดให้กลุ่มที่ปลอมตัวเป็นผู้ชุมนุมลงมือฆ่าเหยื่อที่จ้างวานมา เพื่อป้ายความผิดให้ผู้ชุมนุมก็มีความเป็นไปได้ เพราะฝ่ายตรงข้ามผู้ชุมนุมมีเหตุจูงใจโดยตรงอยู่แล้ว
-------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 7
-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 8

Comment:

ภาพขวาเป็นภาพแอ๊คชั่นขึงขังน่ากลัว แต่ภาพซ้ายแสดงลักษณะเหยาะแหยะไม่ค่อยมีแรงประกอบกับสีหน้าจืดๆเบื่อๆ สองภาพทำท่าเดียวกันแต่คนสลับที่กันและระดับพลังงานต่างกัน ลักษณะจึงสอดคล้องกับการโพสต์แอ๊คชั่นให้ถ่ายภาพมากกว่าจะเป็นเหตุการณ์จริง ด้านหลังของภาพซ้ายเห็นกลุ่มช่างภาพจำนวนมากรอถ่ายอยู่ ทำให้น่าสงสัยว่าทีมถ่ายภาพน่าจะทราบเกี่ยวกับการโพสต์ท่าดังกล่าวเป็นอย่างดี

การแสดงภาพน่ากลัวมีผลสองด้าน ด้านแรกเป็นการข่มขวัญผู้ชุมนุม ด้วยความประสงค์ที่จะลดจำนวนผู้มาชุมนุม เพื่อให้สลายการชุมนุมได้ในที่สุด แต่ผลอีกด้านหนึ่งที่เกิดร่วมด้วยคือ ทำให้เห็นว่าฝ่ายเสื้อแดงซึ่งรู้จักกันในนามของ นปช. เป็นกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งส่อเจตนาร้ายในการรุกเข้าไปหาฝ่ายผู้ชุมนุมซึ่งมีประวัติการชุมนุมที่สันติอหิงสาไร้อาวุธมาเป็นเวลายาวนาน แต่เนื่องจากสื่อส่วนใหญ่ถูกภาครัฐครอบงำทำ News blackout ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ผลด้านนี้จึงเป็นที่คาดว่าจะถูกกลบให้หายไปโดยง่าย
-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 9
http://www.thaipost.net/index.asp?bk=thaipost&iDate=11/Sep/2551&news_id=163777&cat_id=400
ว่ายทวนน้ำ 11 กันยายน 2551

... ที่ตายไปคนเดียวและร่อแร่อีกสอง เป็นพวก นปช. ด้วยฝีมือ (ปืน) และฝีตีนการ์ดพันธมิตรฯ นะครับ ...

… BBC ถ่ายคลิปเผยแพร่ทั่วโลกเห็นชัดว่า การ์ดพันธมิตรฯ ชักปืนออกมาซัลโว นปช.

------------------------------------------------------------------
ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 10 กันยายน 2551

... ขณะที่ พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ได้นำภาพวีดีโอ ที่ตำรวจ191 สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ไปให้เจ้าหน้าที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) สเกตช์ภาพ จากนั้นจะนำเสนอให้ พล.ต.ต.ลิขิต ที่รับผิดชอบคดีนี้ พิจารณาว่าจะมีการขออนุมัติหมายจับได้หรือไม่ พร้อมกันนี้ จะแจกภาพสเกตช์ให้ฝ่ายสืบสวนแต่ละ สน.ตรวจสอบบุคคลในภาพพร้อมติดตามตัวต่อไป
พ.ต.อ.วิบูลยุทธ กล่าวต่อว่า ส่วนที่เกิดการปะทะทั้ง 2 ฝ่าย จนมีผู้ได้รับบาดจ็บนั้น ขณะนี้ได้ประสานสื่อมวลชนเพื่อขอทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวมาประมวลผลให้ได้รายละเอียดมากที่สุด และตรวจสอบว่ามีใครอยู่ในที่เกิดเหตุ หรือใครทำอะไรบ้าง เพื่อหากภาพที่ปรากฏว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงและทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้รวบรวมพยานหลักฐานและติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนภาพที่ปรากฏว่ามีการดึงแขนขาผู้บาดเจ็บนั้นจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไรกันแน่ ...

------------------------------------------------------------------
Comment:

คอลัมน์ในสื่อฉบับหนึ่งอ้างอิงเสร็จสรรพว่าคนลงมือฆ่าทำร้ายผู้บาดเจ็บเป็นพันธมิตร ในขณะที่ข่าวในสื่ออีกฉบับหนึ่งระบุว่าตำรวจยังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูล หมายถึงยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ แสดงภาพรวมว่ามีสื่อถูกใช้ในการบิดเบือนข้อมูลที่ออกสู่สังคม

จากการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูง ว่ามีการใช้วิธี Camouflage พรางตา จึงไม่สามารถสรุปความเป็นพันธมิตรหรือความเป็น นปช.ด้วยการมองลักษณะภายนอก การด่วนสรุปว่าคนลงมือทำร้ายผู้บาดเจ็บเป็นฝ่ายใดจึงไม่สามารถเชื่อถือได้
การกล่าวโดยไม่มีความเป็นจริงสนับสนุนอันเป็นผลทำให้ผู้รับข้อมูลเกิดความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นการทำให้สังคมแตกแยก ซึ่งสื่อมวลชนที่ดีเมื่อรู้ตัวเมื่อใด จะต้องหลีกเลี่ยงที่จะกระทำในทันที
-------------------------------------------------------------------------------------------
เอกสารประกอบชุดที่ 10
Comment:

ในกรณีมีการใช้ Camouflage เพื่อสร้างข้อหายัดเยียดให้ผู้ชุมนุม และในกรณีสังคมค้นพบว่าภายใต้รัฐบาลนี้ ตำรวจได้ถูกกำหนดให้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝ่ายกุ๊ยอันธพาลในความพยายามสลายผู้ชุมนุมและควบคุมประชาชนทั้งที่กรุงเทพและอุดรธานี ตำรวจภายใต้รัฐบาลนี้น่าจะหมดเกียรติยศศักดิ์ศรี เพราะสิ่งที่ทำคือหน้าที่ขี้ข้ามาเฟียล้วนๆ

หากตำรวจไม่สามารถรับประกันการทำงานที่ได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม เราก็คงคาดเดาคำพูดจากภาพได้ดังนี้

“ที่เห็นข้างหน้านี้คือหลักฐานครับท่าน”
“อืมม์ ดูคุ้นๆ ... อันไหนไม่ใช่ของเรา?”

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

ประโยคประวัติศาสตร์ศาลอาญาที่ต่างชาติพากันอ้างอิง

ผู้นำต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ข้อยกเว้น

9 สิงหาคม 2551



ในการบรรยายสำหรับบุคลากรที่เป็นกำลังของชาติ ผู้เขียนมักสอดแทรกแนวคิดสำคัญเพื่อให้นำไปยึดถือปฏิบัติกันอยู่เสมอ

... ผู้นำต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ข้อยกเว้น …

ซึ่งสอดคล้องกับที่ผู้พิพากษาศาลอาญาได้อบรมจำเลยในคดีภรรยานายกรัฐมนตรีโกงภาษีซึ่งเป็นข่าวแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยประโยคดังกล่าวได้กลายเป็น ประโยคประวัติศาสตร์ที่ต่างชาติพากันอ้างอิง ... ขอยกตัวอย่างจากเว็บไซต์ของหลายๆประเทศทั่วโลก มาบันทึกไว้ ณ ที่นี้

http://www.brisbanetimes.com.au/news/world/last-days-of-pearls-and-poses/2008/07/31/1217097432932.html1217097432932.html


"The defendants are high-profile and wealthy citizens," the judge said. Pojaman's husband "was the leader of the country and she is obliged to pay taxes as a model for society".
"But the defendants lied, cheated and conspired to evade taxes, which is regarded as a serious crime,"
the judge said.

http://www.bt.com.bn/en/asia_news/2008/08/01/thaksins_wife_gets_3_year_jail_time_over_tax_evasion

"The second defendant was not only supposed to behave herself as a good citizen, she was also meant to be a good role model as the wife of the prime minister," the judge said in the televised ruling.

http://www2.dw-world.de/southasia/SoutheastAsia/1.234322.1.html

In a landmark decision in Thailand, a criminal court has sentenced the wife of the former Prime Minister, Thaksin Shianwatra, to three years jail for tax evasion. The decision marks a major step in the Thai judiciary’s role in dealing with the country’s political crisis and corruption charges against Thaksin’s former government ...

The judge said the three were of high economic and social status and should be setting an example to society.

http://www.pressandjournal.co.uk/Article.aspx/766675?UserKey=0
“The three defendants have high economic and social status,” said judge Pramote Pipatpramote, adding they should have aspired to set an example for society.
“But, they were working together to avoid taxes, even though the taxes amounted to little compared to their assets.”


http://www.siiaonline.org/?q=programmes/insights/thailand-thaksin%E2%80%99s-wife-sentenced-jail


The court reprimanded Pojaman in particular, saying that with her high economic, social and political status - especially her status as wife of the then premier - she should have acted as a good example to society.

http://www.telegraph.co.uk/sport/football/leagues/premierleague/mancity/2481586/City-owner-Shinawatra-Thaskins-wife-in-guilty-verdict----football.html

"The second defendant [Pojaman] was not only supposed to behave herself as a good citizen, she was also meant to be a good role model as the wife of the prime minister."

http://www.theaustralian.news.com.au/story/0,25197,24106841-2703,00.html

“The defendants are high-profile and wealthy citizens,” the judge said. Ms Pojaman's husband was the leader of the country and she is obligated to pay taxes as a model for society”.

“But the defendants lied, cheated and conspired to evade taxes, which is regarded as a serious crime,” the judge said.

http://www.time.com/time/world/article/0,8599,1828156,00.html

The legal noose tightened around former Thailand Prime Minister Thaksin Shinawatra this week when, on July 31, the nation's Criminal Court found his wife Pojaman Shinawatra guilty of tax evasion, sentencing her to three years in prison in a decision that will likely increase already sharp political tensions in the country

....

In a Bangkok courtroom, Thaksin and his family sat with somber expressions throughout proceedings as the judge reprimanded Pojaman, saying that her high economic, social and political status should have compelled her to set a better example for society.

Prior to the 2006 coup, political cases rarely made their way through Thailand's justice system. But that is changing. Earlier this month, three of Thaksin's lawyers were jailed for attempting to bribe court officials of the Constitutional Court by handing them the equivalent of $59,000 in a pastry bag as a gift.

...

How this week's verdict will play out in rural Thailand, where Thaksin enjoys his greatest support, remains to be seen. Last week, violence broke out in two northeastern provinces when pro-government groups attacked anti-government demonstrators as police looked on. Dozens were injured, prompting civil rights groups, academics and opposition politicians to demand the government protect its opponents' right to peacefully protest.

ข้อพิสูจน์: รัฐบาลเป็นต้นเหตุซึ่งต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวสำหรับความรุนแรงในชาติ

วิธีใช้สมองง่ายๆ: แจ้งเตือนมายังหัวหน้ารัฐบาลและผู้บัญชาการตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน

31 กรกฎาคม 2551


ย้อนระลึกถึงอดีต ณ เวลาที่ศาลอ่านคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทย กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลทักษิณ (ม็อบเชียร์) ก็เกิดอาการจิตวิญญาณร้าย (ผี) เข้า ออกงิ้วกันอย่างสายฟ้าแลบ สารพัดคำพูดและกริยาท่าทางหยาบคายไม่สามารถรับฟังได้พรั่งพรูออกมาสู่เป้าหมายคือศาลสถิตยุติธรรมอย่างไม่มีความเกรงอกเกรงใจใดๆ

มาคราวนี้ ศาลจึงได้กำหนดมาตรการรับมือ ด้วยการเปลี่ยนท่าทีให้มีความเข้มงวด แจ้งล่วงหน้าไว้เลยว่าถ้าทำอย่างเก่าอีก จะมีมาตรการอย่างไร
คราวนี้ ทั้งๆที่คำพิพากษามีผลแก่พวกทักษิณสาหัสกว่าคราวก่อน แต่พออ่านเสร็จ หันไปรอบๆไม่ยักมีเสียงรบกวนใดๆ บรรดาม็อบเชียร์กระมิดกระเมี้ยนเดินทางกลับกันอย่างเรียบร้อย

เปรียบเทียบทั้งสองครั้งมีอะไรที่ต่างกันหรือ ??

สิทธิอำนาจหน้าที่ของศาลก็มีเท่าเดิม ...

สิ่งที่แตกต่างเท่าที่เห็น รู้สึกจะมีแค่ท่าทีของศาล คือการแสดงออกว่าเข้มงวด

นี่คือหลักฐานความมีผลของการใช้อำนาจหน้าที่โดยเข้มงวดกวดขัน

รัฐบาลและตำรวจมีอำนาจหน้าที่เช่นกัน

การปล่อยให้ม็อบฝ่ายรัฐบาลรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่พร้อมกับถืออาวุธเพื่อออกไล่ฆ่า/ทำร้ายผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลโดยใช้ความรุนแรง จึงมีหลักฐานยืนยันแล้ว ว่าไม่ใช่รัฐบาลจะป้องกันเหตุรุนแรงไม่ได้

ทุกวันนี้ม็อบฝ่ายรัฐบาลฮึกเหิมขนาดประกาศฆ่าประชาชน เพราะอะไร ตามหลักข้อเท็จจริงความได้ใจในทางที่ผิดมันเกิดจากการให้ท้าย อันนี้ยังไม่ได้กล่าวถึงการที่รัฐบาลเป็นผู้จ้างฆ่าเอง ซึ่งหลักฐานก็มีแล้ว

ในเมื่อศาลแสดงความเข้มงวด เหล่าม็อบเชียร์ก็หยุดกึกทันที ...

ดังนั้น ต่อไปนี้ถ้ารัฐบาลและตำรวจไม่ดำเนินการหยุดม็อบกักขฬะฝ่ายรัฐบาล ซึ่งศาลได้พิสูจน์ง่ายๆแล้วว่าทำได้ รัฐบาลและตำรวจจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายและความรุนแรงทุกอย่าง

ในที่ชุมนุมพันธมิตร เต็มไปด้วยเด็ก สตรี คนชรา เก็บภาพจากเว็บไซต์ได้ทุกวัน รวมทั้งอาวุธก็มีไม่ได้ เพราะถ้ารัฐบาลสั่งค้นพบว่ามีอาวุธ จะเป็นเหตุให้ถูกยุติการชุมนุม

ฝ่ายหนึ่งไม่มีกำลังไม่มีอาวุธ อีกฝ่ายมีกำลังมีอาวุธมีความกักขฬะ รัฐบาลและตำรวจจะเสแสร้งอ้างว่าคนสองกลุ่มตีกันทะเลาะกัน จะเป็นการสรุปที่ไม่มีความเชื่อถือได้รองรับ

คนในที่ชุมนุมพันธมิตรเป็นเกรดมีการศึกษา ในขณะม็อบฝ่ายรัฐบาลเป็นเกรดคนชั้นต่ำ ฝ่ายมีการศึกษาย่อมไม่แลกด้วยอยู่แล้ว ยกเว้นป้องกันตัว การอ้างว่าม็อบชนกันเองจึงเป็นการสร้างเรื่อง

จึ
งขอแจ้งเตือนมายังหัวหน้ารัฐบาลและผู้บัญชาการตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน ว่าทราบล่วงหน้าแล้ว ว่าตนเองมีอำนาจหน้าที่และมีศักยภาพที่จะหยุดความรุนแรงทั้งหมดได้ ซึ่งถ้าไม่ทำก็เป็นความจงใจ

ในเมื่อยุติความรุนแรงได้แต่ไม่ยอมยุติ ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า รัฐบาลและตำรวจเป็นต้นเหตุซึ่งต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวสำหรับความรุนแรงในชาติ

อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนขอเน้นย้ำ คืออย่าพยายามใส่ความผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาล

หลายปีมาแล้ว หลายคนยังคงจำภาพหนึ่งได้ เป็นภาพที่ทุกหนังสือพิมพ์ลงเหมือนกัน แสดงว่าเป็นภาพที่นักข่าวไม่ได้เก็บเอง แต่ได้มาจากแหล่งเดียวกัน ซึ่งก็ต้องเป็นแหล่งของทางการ ในภาพคนนอนตายเกลื่อน ในมือของทุกคน จับมีดจับดาบไม่มีหลุดจากมือสักคนเดียว มีคำอธิบายว่านี่คือกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบถืออาวุธที่ถูกทางการปราบปรามสำเร็จ

ผู้เขียนเห็นภาพนี้ในห้องกาแฟของสถาบันการศึกษาระดับสูงแห่งหนึ่ง นักศึกษาปริญญาเอกกลุ่มใหญ่เดินผ่านมา เห็นภาพเข้าก็พากันหัวเราะและส่ายศีรษะ ใครๆก็ทราบโดยไม่ต้องอธิบาย ... ทางการจัดฉากอย่างไร้สติปัญญา แล้วก็ส่งผ่านสื่อให้ผู้คนดูโดยหวังในความไร้สติปัญญาทั้งชาติโดยทั่วหน้ากัน
31 กรกฎาคม 2551
ตำรวจ คุมเข้ม รปภ. ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาชี้ชะตาหญิงอ้อ บรรณพจณ์ กับพวกเลี่ยงภาษีหุ้นชินวัตรคอมพิวเตอร์ 546 ล้านบาท เก้าโมงเช้าวันนี้ ม็อบเชียร์ทยอยมาแต่เช้า ศาลจัดสถานที่ถ่ายทอดสด ออก “ กฏเหล็ก” ห้ามม็อบป่วน
วันนี้ ( 31 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เริ่มคึกคักตั้งแต่เช้า กลุ่มประชาชนที่สนับสนุน คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กว่า 1,000 คนเริ่มทยอยเข้ามาในบริเวณศาลเพื่อรอให้กำลังใจและรอลุ้นผลคำพิพากษา
ทั้งนี้ นายวิธูร คลองมีคุณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้ออกข้อกำหนดศาลอาญา เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และเพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยเที่ยงธรรม และรวดเร็ว อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 30 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 25 ศาลอาญาจำเป็นต้องออกข้อกำหนดเพื่อใช้บังคับในวันที่ 31 ก.ค. ดังนี้
“ห้ามมิให้ผู้ใดประพฤติตนในทางที่ก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือก่อความรำคาญ หรือกระทำการใด ๆ ในลักษณะที่เป็นการส่งเสริม ยั่วยุ สนับสนุนการกระทำดังกล่าวในอาคาร และอาณาบริเวณของศาล มิฉะนั้น อาจถูกดำเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติไว้”

31 กรกฎาคม 2551
ภายหลังจากที่ศาลอาญา รัชดาฯ มีคำพิพากษาจำคุก 3 ปี จำเลยที่ 1 คือนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ อดีตประธานกรรมการบริหารบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป และจำเลยที่ 2 คือคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพิพากษาจำคุก 2 ปี จำเลยที่ 3 คือนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน จากคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคุณหญิงพจมาน นายบรรณพจน์ และนางกาญจนาภา ในความผิดฐานร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 546 ล้านบาท ทันทีที่ประชาชนที่เดินทางมาให้กำลังใจคุณหญิงพจมาน และพวก ทราบข่าวดังกล่าว ต่างแสดงสีหน้างุนงงกับคำพิพากษาดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่มีการแสดงปฏิกิริยาไม่พอใจแต่อย่างใด จากนั้นจึงทยอยเดินทางกลับด้วยความเรียบร้อย

วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2551

กาหลิบในกะลา

เมื่อบางคนยังคงหลงวนเวียนอยู่กับข้อความวัวๆควายๆอันไร้สาระ ... ที่ในกะลา
13 สิงหาคม 2551


ได้ข่าวว่ามีบทความของนายหรือนางคนหนึ่งซึ่งมีสมญาว่ากาหลิบ เขียนเนื้อหายกย่องทักษิณจนเลิศลอย พร้อมกับดูหมิ่นฝ่ายที่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นใคร โดยใช้ข้อความวัวๆควายๆ

ช่วงประเทศไทยดวงแย่ ทั้งรัฐบาลทั้งสื่อทั้งคนมีไมค์มีปากกาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน พากันโชว์กำพืดต่ำด้วยถ้อยคำที่ผู้มีการศึกษาไม่ใช้กัน ประชาชนเจ้าของประเทศเจ้าของภาษีเผลอได้ยินได้อ่านเข้า ก็ต้องล้างหูล้างตาแทบไม่ทัน เป็นที่มาของการที่ชนชั้นมีการศึกษาต้องออกมาไล่รัฐบาล

เนื้อหาบทความของนายหรือนางคนดังกล่าว ระบุว่าทักษิณมีความสูงส่งอย่างเป็นสากล ขณะนี้จึงต้องไป (หลบ) อาศัยอยู่ในที่ๆมีความเป็นสากล เป็นสิ่งสมควรยิ่งแล้ว หรืออะไรประมาณนี้

เราจะไปพิสูจน์กัน ว่าในที่ๆมีความเป็นสากล เขาเห็นทักษิณสูงส่งและเป็นสากลสมควรให้ไปอยู่ด้วยหรือเปล่า โดยเปิดเว็บไซต์สื่อต่างประเทศ หลายๆสิบเว็บไซต์ ...

ESCAPE COURT, FLEE TRIAL … หนีศาล หลบคดี! เป็นหัวข้อข่าวทักษิณในเว็บไซต์สื่อต่างประเทศ ช่วงต้นสัปดาห์

โอ้ สูงส่งอย่างไม่น่าให้อภัย

ตัวอย่างเช่น

http://www.guardian.co.uk/football/2008/aug/11/premierleague.manchestercity?gusrc=rss&feed=football

Manchester City owner Thaksin Shinawatra flees to England to escape court

http://www.guardian.co.uk/world/2008/aug/11/thailand

Thaksin flees Thailand corruption trial and returns to exile in Britain: Ousted Thai prime minister skips bail with wife after her conviction for fraud

http://www.monstersandcritics.com/news/asiapacific/news/article_1422969.php/Deposed_premier_flees_Thailand_opts_to_live_in_London__Roundup

Deposed premier flees Thailand, opts to live in London …

http://www.iht.com/articles/reuters/2008/08/11/asia/OUKWD-UK-THAILAND-THAKSIN-BRITAIN.php

Ex-Thai PM Thaksin flees to Britain
Thaksin and his wife, Pojaman, who was sentenced to three years in jail for fraud two weeks ago, said they had gone to England with their family because they had received "death threats"... (ใส่เครื่องหมายคำพูดแสดงความรู้สึกประมาณ “โอว ขนาดนั้นเลยหรือ”)

Thaksin's children face several corruption allegations, but it was unclear if the reference to his "family" in his dramatic statement meant they too had travelled to Britain to escape the charges. (ลูกๆของทักษิณก็ถูกแจ้งข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นด้วย แต่ไม่ชัดเจนว่าคำว่า “ครอบครัว” ที่อ้าง (ว่าถูก “ภัยคุกคามต่อชีวิต”) ใน แถลงการณ์อันมีโวหารประดุจละคร ของเขา หมายความว่าพวกลูกๆเหล่านั้นมาอังกฤษเพื่อหนีคดีด้วยหรือเปล่า)

แถลงการณ์อันมีโวหารประดุจละคร เป็นชื่อเรียกคำ (แก้ตัว) แถลงทางโทรสาร ที่สื่อต่างประเทศสรรหามาเรียกได้อย่างเจ็บแสบ (หรือสะใจแล้วแต่กรณี) เป็นอย่างมาก

http://www.goal.com/en/Articolo.aspx?ContenutoId=799069

Aside from his wife's sentence, he's currently on trial in three cases, a figure which could reach double figures as police continue to probe his business and political affairs. ประมาณการณ์จำนวนคดีที่ว่า อาจเพิ่มเท่าตัว นี้สื่อต่างประเทศเพิ่มให้เองเลย

http://www.breakingnews.ie/world/mhqlmhkfgbcw/

Mr Thaksin is embroiled in three other court cases as well as a raft of investigations that may lead to trials.

He has maintained his innocence in all of them. He was widely regarded as an authoritarian figure who eroded Thailand’s still-fragile democratic institutions. Mass street protests led to his downfall. คนจำนวนมากมองเขาเป็น คนบ้าอำนาจซึ่งเข้ากัดกร่อนทำลายองค์กรประชาธิปไตยที่ยังคงเปราะบางของประเทศไทย ความล่มสลายของเขาเกิดจากการต่อต้านขนาดใหญ่ในท้องถนน



นอกจากนั้น ดูเหมือนกาหลิบจะมีความเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยที่ดำเนินการกับทักษิณ มีความถดถอยไม่เป็นสากลหรือไม่ยุติธรรม แบบว่ายอมรับไม่ได้

เราจะไปพิสูจน์กัน ว่าในที่ๆมีความสากล เขาเห็นกระบวนการยุติธรรมของไทยที่ดำเนินการกับทักษิณ มีความถดถอยไม่เป็นสากลหรือไม่ยุติธรรมยอมรับไม่ได้จริงหรือไม่

http://www.asianewsnet.net/news.php?id=566&sec=3

สื่อแห่งนี้มีประเทศในเอเชีย รวมถึงจีน อินเดีย กับญี่ปุ่นเป็นสมาชิกด้วย

Although every court battle involving Thaksin and his wife has political overtones, the judicial review is based strictly on pertinent factual and legal issues. แม้การต่อสู้ทางศาลที่เกี่ยวกับทักษิณจะถูกมองว่ามีการเมืองแอบแฝง แต่กระบวนการของศาลในครั้งนี้ได้วางพื้นฐานอยู่บนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด

The tax-evasion case involving Pojaman provided clear proof that the judiciary cannot be swayed by sentiment. กรณีหลบเลี่ยงภาษีของพจมานเป็นข้อพิสูจน์ว่าศาลไม่ปล่อยให้ความรู้สึกมาทำให้เอนเอียง

From start to finish, the evidence shown during trial indicated a clear-cut case for conviction. And the Criminal Court found no cause to grant leniency in sentencing. ตั้งแต่เริ่มจนจบ หลักฐานที่ใช้ในระหว่างการพิจารณาคดีเป็นข้อเท็จจริงซึ่งแสดงอย่างชัดเจนว่านำไปสู่การตัดสินลงโทษที่โปร่งใส ซึ่งศาลอาญาไม่อาจหาเหตุผลอะไรมาให้ความเมตตาได้

... คนไทยฟังไว้ ...

http://www.guardian.co.uk/world/2008/jul/31/thailand.internationalcrime

Pojaman claimed she bought the shares from a family maid and transferred them to her adopted brother as a gift, which is tax-exempt. But the committee discovered the cheque to the maid was deposited in a bank account belonging to Pojaman. การลงรายละเอียดทำให้ผู้อ่านเข้าใจในความเป็นมาเป็นไปและเกิดความชัดเจนในความมีหลักการของการตัดสิน เช่น การซื้อหุ้นแล้วเอาเช็คย้อนเข้าบัญชีตนเองเป็นพฤติกรรมอำพรางการกระทำความผิดที่ทั่วโลกเข้าใจได้ทันที เน้นให้เห็นว่าการตัดสินมีความชอบธรรม

http://www.theaustralian.news.com.au/story/0,25197,24106841-2703,00.html

Ms Pojaman, through her lawyer, said she bought the shares from a family maid and transferred them to her brother as a gift, which under Thai law is not taxable.

Thailand's Assets Examination Committee determined last year, however, that a cheque issued to the maid was later deposited in a new bank account belonging to Mr Thaksin's wife.

สรุปว่าทั้งสื่ออังกฤษทั้งสื่อออสเตรเลียพากันระบุรายละเอียดที่เป็นหลักฐานไปสู่การตัดสินอันชอบธรรม

http://www.time.com/time/world/article/0,8599,1828156,00.html

Prior to the 2006 coup, political cases rarely made their way through Thailand's justice system. But that is changing. Earlier this month, three of Thaksin's lawyers were jailed for attempting to bribe court officials of the Constitutional Court by handing them the equivalent of $59,000 in a pastry bag as a gift. ก่อนหน้าปฏิรูปการปกครอง คดีการเมืองทั้งหลายมีโอกาสน้อยมากที่จะคืบหน้าในกระบวนการยุติธรรม แต่ขณะนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป … เมื่อต้นเดือนศาลได้สั่งจำคุกกลุ่มทนายของทักษิณในความพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาล ...

How this week's verdict will play out in rural Thailand, where Thaksin enjoys his greatest support, remains to be seen. Last week, violence broke out in two northeastern provinces when pro-government groups attacked anti-government demonstrators as police looked on. TIME สื่อขนาดยักษ์ของโลกได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งยาวและละเอียดจนสามารถทำให้ เห็นใส้เห็นพุงรัฐบาลแบบไม่สามารถแก้ตัวใดๆได้ ซึ่งรวมถึงเรื่องรัฐบาลอยู่เบื้องหลังความพยายามฆ่าทำร้ายประชาชนด้วย

http://www.dailymail.co.uk/news/worldnews/article-1040145/Wife-Premier-League-club-boss-jailed-years-tax-evasion.html

the fact that in an unusual move a recent Cabinet resolution essentially replaced The Director General of Thailand's Prisons, with the former Director General, whom Thaksin appointed.

The outgoing Director-General Wanchai Roujanavong is an authority on international crime and apparently corrupt politicians.

His book 'Organised Crime in Thailand' details how politicians play a major part in organised crime in Thailand, how they avoid tax, buy votes, and to a certain extent control the courts, while at the same time playing the role of benefactor to the people. DAILYMAIL ของอังกฤษเองยิ่งเห็นใส้เห็นพุงหนักเข้าไปใหญ่ โดยกล่าวถึง ความผิดปกติในการย้าย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เอาคนทักษิณไปแทน ซึ่งอธิบดีที่ถูกย้ายนี้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและรู้ลึกเรื่องการคอร์รัปชั่นของนักการเมือง ได้เขียนหนังสือตีแผ่รายละเอียดเกี่ยวกับอาชญากรรมที่มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ ทั้งด้านการเลี่ยงภาษี การซื้อเสียง การเข้าครอบงำศาล ในขณะตีสองหน้าเป็นผู้กระทำคุณประโยชน์ต่อประชาชน งามหน้าซะไม่มี ต่างประเทศรู้ถึงขนาดนี้ คนไทยหลายๆคนยังไม่ทราบเลย กาหลิบก็จึงหลอกได้ในกลุ่มคนไทยที่ยังไม่ตื่นเหล่านี้

... ผลของการเป็นข้าราชการรู้อะไรดีๆแล้วไม่อมพะนำไว้ คือโดนย้าย ... นี่คือสิ่งที่สื่อต่างประเทศบอก

http://www.dailymail.co.uk/news/worldnews/article-1043322/Thai-PM-Thaksin-flies-London-face-corruption-charges.html

However, his lingering popularity in the countryside ensured an avowedly pro-Thaksin party won December's general election, allowing him to continue to influence cabinet appointments and decisions. พอพวกทักษิณได้รับเลือกตั้ง ก็ ทำให้ทักษิณสามารถเข้าครอบงำการแต่งตั้งและการตัดสินใจทั้งหลายของคณะรัฐมนตรีต่อๆไป ... ฝรั่งอ่านเกมออกอย่างง่ายดาย

... since then, however, the courts have accepted a series of corruption cases against Thaksin and his inner circle, and last month's guilty verdict against Potjaman suggested they were not going to be intimidated by his wealth or influence ... อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นศาลก็เริ่มได้รับคดีที่ฟ้องทักษิณและพรรคพวก และการที่ได้ตัดสินว่าพจมานมีความผิดเมื่อเดือนก่อน แสดงให้เห็นว่าศาลจะไม่เกรงกลัวอิทธิพลและความร่ำรวยของทักษิณแต่อย่างใด

สรุปว่า ต่างประเทศเชียร์ศาลไทยกันให้ขรมไป

http://www.timesonline.co.uk/tol/news/world/asia/article4503993.ece

Mr Thaksin returned to cheering crowds in Bangkok in February. Many Thais had assumed that after the victory of the PPP, and given the reputation of Thailand’s courts for less than complete independence, he had a good chance of being acquitted. But he evidently changed his mind after his wife was sentenced to three years in jail, pending appeal ... คนไทยหลายคนเชื่อว่าหลังจากพรรคพลังประชาชนได้ชัยชนะ บวกกับในกรณีศาลไทยไม่มีความเป็นอิสระเต็มที่นัก ทักษิณก็มีโอกาสมากที่จะหลุดคดี ... (แต่ไม่ยักหลุด)

ฟังความเห็นประชาชนที่โพสต์ตอบข่าวนี้ในต่างประเทศดูบ้าง

Comment:
How the British goverment can let Shinawatra Thaksin and his family into England
when his wife is a convicted criminal and he has a warrant out for his arrest. It is ridicules and they should be sent back to Thailand to face the charges. Also he cannot own a football team if covicted in Thailand ... รัฐบาลอังกฤษให้ทักษิณและครอบครัวเข้ามาอยู่ในอังกฤษได้อย่างไร ในเมื่อภรรยาถูกตัดสินคดีอาญาและตัวเขาก็ยังอยู่ในระหว่างการรับรองตัวจากหมายจับ มันน่าขัน พวกเขาควรถูกส่งกลับไปสู่การดำเนินคดีในไทย รวมทั้งเขาก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลด้วย หากถูกลงโทษในไทย ... (รู้สึกจะไม่เห็นทักษิณสูงส่งอย่างที่กาหลิบอรรถาธิบายอีกเหมือนกัน)
Brett Strange, Hailsham, East sussex

http://www.bloomberg.com/apps/news?pid=20601087&sid=aVkNj.CXUAF8&refer=home

“I believe in my own innocence in the case and I'm ready to fight the land case under the justice system,'' Thaksin said June 26, the day three members of his legal team were sentenced to six months in jail for giving 2 million baht to a court clerk ... เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. วันที่ทีมทนายของเขาถูกตัดสินจำคุกเนื่องจากให้เงิน 2 ล้านบาทแก่เจ้าหน้าที่ศาล ทักษิณยังยืนยันอยู่เลยว่า เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตนและ พร้อมอยู่แล้วที่จะต่อสู้คดีที่ดินภายใต้กระบวนการยุติธรรม ... แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นไม่เชื่อมั่นและไม่พร้อมเสียแล้ว ...

สื่อต่างประเทศก็รื้อฟื้นเป็น ไม่ใช่เฉพาะพันธมิตรเท่านั้น

http://uk.reuters.com/article/topNews/idUKBKK15841920080811

No one criticises the courts in Thailand, but if you're a former prime minister trying to clear your name in a slew of graft cases that followed a military coup, it's tantamount to blowing up the only bridge leading back home … ไม่มีใครวิจารณ์ศาลในไทย แต่ถ้า คุณเป็นอดีตนายกฯที่พยายามล้างชื่อเสียๆจากสารพัดคดีคอร์รัปชั่นหาผลประโยชน์จากการเมือง ที่ตามมาด้วยการปฏิรูปการปกครองโดยทหาร การวิจารณ์ก็เท่ากับเผาสะพานสุดท้ายที่จะนำกลับบ้านเท่านั้นเอง

"He has defamed the court and so he's gone for good," Thaksin biographer and political analyst Chris Baker said after the 59-year-old telecoms billionaire failed to appear with his wife, Potjaman, at the Supreme Court on Monday … นักวิเคราะห์การเมืองผู้เขียนชีวประวัติของทักษิณกล่าวหลังจากทักษิณและภรรยาไม่ไปปรากฏตัวต่อศาลว่า เขาได้ดูหมิ่นศาลเข้าให้แล้ว และนั่นเป็นการเดินทางไปสู่จุดจบ

… UK Reuter กล่าวว่า การดันทุรังอย่างโง่เขลาในคำแถลงของทักษิณนี้ ทำให้ ผบ.สส. ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างทันทีทันใด และรับประกันว่าความยุติธรรมในประเทศยังมีอยู่มากมาย

The temerity of his remarks brought immediate condemnation from General Boonsrang Niumpradit, Supreme Commander of the Armed Forces.

"Such remarks by a former leader could damage Thailand's image by suggesting it has an unjust judicial system," Boonsrang told reporters after a monthly meeting of military top brass.
"I don't want to say he was right or wrong, but Thailand remains a good country with lots of justice," he said.

… นอกจากนี้ UK Reuter ยังกล่าวว่าพรรคการเมืองที่เคยอาศัยไต่เต้าขึ้นมาจากความนิยมในตัวทักษิณ ยังตีตัวออกห่างอย่างรวดเร็วจาก สิ่งที่เดี๋ยวนี้กลายเป็นของเสียถึงขั้นซ่อมไม่ได้ โดยผู้ที่เป็นโฆษกประจำตัวและเป็นผู้ช่วยที่ทักษิณไว้ใจที่สุดคนหนึ่งกล่าวว่า ทักษิณจะอยู่หรือไม่ก็ไม่มีผลต่อทิศทางของพรรค

Even Thaksin's former political proteges in the People Power Party (PPP), which only won December's election thanks to his huge rural popularity, moved quickly to distance themselves from what now appears to be irreparably damaged goods.

"The party is independent. Thaksin's presence or absence doesn't have any sway on its direction," Finance Minister Surapong Suebwonglee said. Before the coup, Surapong was Thaksin's spokesman and one of his most trusted aides.
ประมาณเหมือนเห็บหมัดกระโดดหนีอย่างที่เขาวิจารณ์กันในเมืองไทย ไม่ว่าจะจริงหรือเสแสร้งก็ตาม แต่จุดเน้นก็คือ ของเสียถึงขั้นซ่อมไม่ได้ ...

http://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-1043401/Thaksin-snub-Thai-trial-hamper-Hughes-hopes-adding-Manchester-City-squad.html

Thaksin fled to the west when he was first overthrown as Prime Minister two years ago. He returned home last February confident that charges against him would be dropped and his money released.

But the conviction of his wife Potjaman last month sent shock waves through Thailand - and indeed through City - as it became clear the Thai authorities were not prepared to give Thaksin and his family an easy ride. การตัดสินลงโทษภรรยาทักษิณทำให้เกิดสภาวะช๊อคขึ้นทั่วทั้งประเทศไทยและในแมนซิตี้ - เพราะเป็นที่ชัดเจนว่า ทางการไม่ยอมปล่อยให้ทักษิณและครอบครัวเข้าถือบังเหียนง่ายๆ

http://www.metro.co.uk/sport/football/article.html?in_article_id=258946&in_page_id=43

It is expected the Manchester City owner will seek asylum, claiming he would not receive a fair trial in his home country. เป็นที่คาดหมายว่าเจ้าของแมนซิตี้จะขอลี้ภัยโดยอ้างว่าไม่ได้รับการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมในประเทศของเขา

The Home Office are bound to consider the matter closely, not least because the People's Power Party, supposedly sympathetic to Thaksin, are currently in charge of a coalition government. However, their influence does not appear to spread to the judiciary, who last month sentenced Thaksin's wife Pojaman, and her brother, to three-year prison terms for tax evasion … สำนักงานใหญ่จะต้องพิจารณาเรื่องอย่างใกล้ชิด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ขนาดว่าพรรคการเมืองที่เป็นพวกทักษิณกำลังเป็นรัฐบาลผสมอยู่ในขณะนี้แท้ๆ อิทธิพลยังดูเหมือนจะไม่สามารถแผ่ไปยังกระบวนการยุติธรรมได้ ซึ่งเมื่อเดือนก่อนได้ตัดสินจำคุก 3 ปีภรรยาทักษิณและพี่ชายของเธอในข้อหาหลีกเลี่ยงภาษี

http://www2.dw-world.de/southasia/SoutheastAsia/1.234322.1.html

สื่อใหญ่ของเยอรมัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นประเทศที่เป็นกลางยุติธรรมและมีมาตรฐานที่สุด ระบุว่า ...

In a landmark decision in Thailand, a criminal court has sentenced the wife of the former Prime Minister, Thaksin Shianwatra, to three years jail for tax evasion. The decision marks a major step in the Thai judiciary’s role in dealing with the country’s political crisis and corruption charges against Thaksin’s former government …

ในการ ตัดสินคดีครั้งประว้ติศาสตร์ ของประเทศไทย ศาลอาญาได้สั่งจำคุกภรรยาของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ 3 ปีเนื่องจากหลีกเลี่ยงภาษี การตัดสินนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ความก้าวหน้าก้าวใหญ่ในบทบาทของศาล ในการจัดการกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองของประเทศ และในการจัดการกับคดีคอร์รัปชั่นของรัฐบาลทักษิณ

… other analysts say the courts’ growing role also reflects a maturing of Thailand’s political culture and a move away from the past. They say it reflects a more pluralistic and rules-based society with Thailand reflecting more mature new democracies in Asia.

… นักวิเคราะห์อีกผู้หนึ่งระบุว่า ความก้าวหน้าในบทบาทของศาลยังสะท้อนถึงการเติบใหญ่ของประเทศไทยทางด้านวัฒนธรรมการเมืองและการเคลื่อนออกจากอดีต รวมทั้งสะท้อนถึงสังคมที่มีกฏเกณฑ์และมีหลักยึดในการอยู่ร่วมกันของต่างเชื้อชาติศาสนาและความเชื่อทางการเมืองได้อย่างสันติ ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีภาพของความเป็นที่ที่ประชาธิปไตยเบ่งบานแห่งใหม่ในเอเชีย

สาธุ ...

ตกลง ที่ๆมีความเป็นสากลที่กาหลิบเพ้อฝันว่าเป็นที่ๆเหมาะสำหรับทักษิณ เขาเห็นใส้เห็นพุงแทนที่จะเห็นความสูงส่งของทักษิณกันเป็นส่วนใหญ่ โดยเห็นได้อย่างละเอียดและชัดเจนกว่าคนไทยมากมายนัก

เขาเห็นศาลไทยชอบธรรมและเห็นวี่แววประชาธิปไตยเบ่งบานในการจัดการกับนักการเมืองชั่วๆโดยมีทั้งหลักการ ความกล้าหาญ และความสง่างาม

จึงพิสูจน์ได้ว่า นายหรือนางกาหลิบเป็นโรคสายตากลับด้าน เห็นบนเป็นล่าง ท้ายเป็นหัว ดีเป็นชั่ว ต่ำเป็นสูง

สุดท้าย ... กาหลิบบอกว่า ประเทศเรามีความก้าวหน้าล่าช้าประดุจหอยทาก เพราะมีควายลาก

เนื่องจากเขาเป็นโรคสายตากลับด้าน จึงต้องมองย้อนกลับสิ่งที่เขามองด้วยสายตาของเขา เพื่อให้เห็นภาพที่ถูกต้องในความเป็นจริง พบว่า ...

ความจริงคือ ที่ไปได้ช้าเป็นเพราะประเทศไทยต้องเป็นฝ่ายลากควายจำนวนมาก ว่ากันว่ามีประมาณ 19 ล้านตัว

สำหรับกาหลิบและสื่อที่ตีพิมพ์บทความของกาหลิบ เป็นหัวหน้าควายหรือไม่ ต้องไปคิดเอาเองแต่สิ่งที่ทำให้การพัฒนาของไทยล่าช้าสุดขีด ขนาดถอยหลังพรวดพราดเข้ารกเข้าพงไปเลยจนเพื่อนบ้านแซงหน้าไปลิบลับในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ก็คือพรรคการเมืองที่ทำงานการเมืองจริงๆไม่เป็น ต้องโดน ยุบพรรคแบบครั้งเดียวไม่เคยพอ นั่นเอง

พวกเหล่านี้ต้องยิ่งกว่าควายแน่นอน

ออกมาจากกะลาเถอะ ... กาหลิบ ...

---------------------------------------------------------

ไหนๆพูดเรื่องควายกันแล้ว ก็ขอแถมเรื่องควายที่เคยเขียนไว้ในสมัยรัฐบาลทักษิณ แนบมาด้วย ก็ไม่คิดว่าจะใช้ได้อีกครั้งอย่างเหมาะเจาะ ขอขอบคุณสำนักพิมพ์ศยามเจ้าของลิขสิทธิ์มา ณ ที่นี้

สะท้อนภาพทักษิณและพรรคเพื่อวิเคราะห์ปัญหาวิกฤติใต้

11 กรกฎาคม 2548

เรียน คุณทักษิณ ชินวัตร และพรรคไทยรักไทย เพื่อมองภาพจากอีกมุมมองหนึ่ง

คนๆไหนชี้หน้าว่าคนด้วยกันเป็นควาย ถ้าเอากระจกยกให้เขาดู เขาจะได้เห็นควายตัวใหญ่กว่า ก็มันเผ่าพันธุ์เดียวกัน ดังนั้น นานๆทีก็ต้องหากระจกมาส่อง กันลืมที่มาแห่งตน ถ้าไม่ส่องเองก็ต้องมีคนส่องให้ เพราะนานๆไปเกิดคิดว่าตนเองเป็นเทวดา ก็จะยิ่งมีปัญหาไปกันใหญ่

กระจกนั้นสำคัญมาก ทุกเช้าคุณต้องดูแลสารรูปตัวเองโดยการส่องกระจก แต่ไม่ค่อยมีนักการเมืองหากระจกมาส่องสารรูปผลงานของตนกันเลย จึงมักบรรยายผลงานผ่านทางความคิดตนเอง แบบคิดเองพูดเอง ใครหลงตัวก็จะบรรยายผลงานกันจนกินเนสส์บุ๊คจดไม่ทัน แต่แค่จดนะ หลังการตรวจพิจารณาอาจไม่ได้ลงสักเรื่อง

เวลามีปัญหาที่ต้องแก้ไขเราต้องใช้กระจกพิเศษ เช่นกระจกหมอฟัน สำหรับสิ่งเล็กๆที่แอบอยู่ในซอกมุม แต่บางครั้งต้องใช้กระจกใหญ่แบบนูน เช่นที่ติดตามถนน สำหรับดูสิ่งใหญ่ๆที่อยู่นอกมุม สายตามองไม่ถึง

สำหรับปัญหายืดเยื้อเรื้อรัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้แก้ปัญหามองเองไม่เห็นหรือไม่ถึง ก็ต้องใช้กระจก (ยังไม่พูดถึงว่ามองเห็นมองถึงแต่ไม่มีปัญญาและฝีมือจะแก้นะ) ต่อไปนี้ ดิฉันจะเป็นกระจกพิเศษให้คุณทักษิณและพรรคในบางประเด็น

ขอชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเป็นกระจกสะท้อนในครั้งนี้ ว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิและหน้าที่ทำเพื่อชาติ ไม่ใช่นักการเมืองมีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงกลุ่มเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองที่แสดงความต้องการไม่ให้ใครมาตรวจสอบตนเองนั้น ยิ่งปล่อยให้มีสิทธิและหน้าที่ทำเพื่อชาติแต่เพียงกลุ่มเดียวไม่ได้ เพราะเหมือนจะมีสิ่งเล็กๆที่แอบอยู่ในซอกมุม รวมทั้งสิ่งใหญ่ๆที่อยู่นอกมุม สายตามองไม่ถึง แอบซ่อนอยู่ จึงต้องพยายามไม่ให้ใครมาตรวจ เมื่อเป็นดังนี้ เราจึงต้องนำกระจกพิเศษมาส่อง เพราะเพียงแค่กระจกเงาธรรมดารับไม่ไหว

ก่อนอื่นเลย อย่ามาชิงว่า “คนพูดไม่รู้จริง” นี่คือประโยคโง่ที่สุดในการเริ่มแก้ปัญหา คนอื่นๆเขาก็มีเวลาและโอกาสในการรับข้อมูลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณ รวมทั้งศักยภาพทางความคิดของคุณยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าดีกว่าใครคนไหนบ้าง ความร่ำรวยกว่าคนอื่นไม่ได้รับประกันว่าฉลาดกว่า อาจรับประกันได้แค่ว่า “มีความสามารถ โอกาส และแรงผลักดันในการหาประโยชน์ให้กับตนเองและพรรคพวกมากกว่าคนอื่น” ดังนั้น การมีนายกพ่อค้าผู้ร่ำรวยไม่ได้รับประกันว่า จะสามารถทำให้ประเทศร่ำรวยและผ่านพ้นปัญหาด้วยความฉลาดได้ ดีไม่ดีหาก “ความสามารถและแรงผลักดันในการหาประโยชน์ให้กับตนเองและพรรคพวก” ยังคงอยู่ในตัวฝังในกมลสันดานของนายกพ่อค้าอย่างเหนียวแน่น เมื่อประกอบกับโอกาสฉกฉวยอันมหาศาล ประเทศชาติอาจหมดตัวอย่างรวดเร็วจนคิดไม่ถึง

ขอเริ่มสะท้อนที่ตรงนี้ ...

คุณจำได้ไหม เมื่อนักศึกษา ม.อ. ถูกยิงตาย คุณให้สัมภาษณ์ว่า อย่าตื่นเต้นตกใจ “อะไรๆมันกำลังดีขึ้น” ในไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ถึงคุณที่ดิฉันเขียนทันทีที่ได้ยินคุณให้สัมภาษณ์ในครั้งนั้น ดิฉันท้าให้คุณไปอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ ไม่ต้องมีผู้คุ้มกัน เพื่อยืนยันว่า “อะไรๆมันกำลังดีขึ้น” ตามที่คุณอ้าง
แล้วคุณก็ไป แน่นอน ไม่ใช่ตามคำท้า เพราะผู้คุ้มกันเพียบ ดิฉันก็หวังว่า คุณคงจะไปทำให้อะไรๆมันดีเพิ่มขึ้น แต่ใครจะนึกว่าไม่ใช่แค่ “อะไรๆไม่ดีขึ้น” แต่กลับมีสิ่งเลวร้ายไม่คาดฝันเกิดแทน
ตกลงไอ้ที่พูดว่า “อะไรๆมันกำลังดีขึ้น” นั้น มันก็แค่ คิดเองพูดเองหวังฟลุ๊ค น่ะสิ หวังฟลุ๊คว่า ถ้ามันดีขึ้นจริงก็ประกาศผลงานผ่านทาง วิทยุทีวี และออกงานที่เมืองทองธานีกันได้เลย (ตอนนี้บ้านหลายหมื่นหลังคาเรือนที่ไฟไปไม่ถึง ได้รับโซล่าร์เซลล์จากเงินภาษีของผู้ที่มีภาษีจะจ่าย ฟรีบ้านละ 2 หมื่นห้า เพื่อให้ฟังวิทยุดูทีวีได้แล้ว ขอย้ำ 2 หมื่นห้ากับความสามารถอย่างมากแค่ฟังวิทยุดูทีวี หมายความว่าอย่างไร)

ย้อนกลับมาที่ “อะไรๆมันกำลังดีขึ้น” …

แต่เมื่อการณ์กลับตรงกันข้าม คุณปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยใบหน้าเศร้าสลด เศร้าทำไม ก็ประกาศนโยบายเหี้ยมโหดไปแล้ว แต่ละคำของคุณในแต่ละครั้งของการแก้ปัญหามันแข็งกร้าวนัก “ทำสงคราม” “ล้างเผ่าพันธุ์” “ทำลายเครือข่าย” ฯลฯ เชื่อยากนะ ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่ใช่นโยบายคุณ สถิติทำสงครามคนตายสองพันกว่านั้นมันของคุณ ลบไม่ออกหรอก และตอนนี้มันก็มายืนยันสอดรับกันอยู่

ใบหน้าเศร้าสลดหมายถึงว่าความเหี้ยมโหดในครั้งนี้ผมไม่ใช่คนสั่ง ตกลงใครสั่งไม่รู้ หรือเจ้าหน้าที่ทำเอง ต้องหาตัวมารับผิดชอบให้ได้ (ตอนนี้คงไม่กำหนดเป้าหมายเวลานะ เพราะหมู่นี้โชคไม่ค่อยช่วย พลาดเป้าบ่อยๆ)

เมื่อคุณเศร้าแล้ว ก็หมายความว่าคุณยืนยัน ว่าความเหี้ยมโหดนั้นไม่ใช่นโยบายของคุณในครั้งนั้น หากเกิดตาละปัดขึ้นมาว่าโจรใต้กลัว เกิดสงบราบคาบ คุณจะมาประกาศผลงานไม่ได้นะ ว่าที่สงบได้ก็เพราะนโยบายเหี้ยมโหดของคุณ

ดิฉันท้าให้คุณพูดออกมาเลยว่านโยบายของคุณในวันนั้นเป็นอย่างไร ไม่ใช่เฉยๆไว้ พออะไรมันเรียบร้อยไม่ว่าจะเรียบร้อยอีท่าไหนเพราะอะไรก็ตาม ก็กลายเป็นผลงานของคุณและพรรคไปหมด ที่ดิฉันคิดกับคุณในลักษณะนี้ เพราะสรุปจากข้อเท็จจริงของสไตล์การ คิดเองพูดเองหวังฟลุ๊ค ของคุณที่พิสูจน์มาข้างต้นนั่นเอง

ตามหลักการบริหารนั้น เวลางานผิดพลาดบกพร่องเขาไม่ชี้ไปที่ลูกน้องนะ คุณทักษิณไม่ทราบหรือ นี่ชี้ลูกน้อง (หรือผู้รับสนองนโยบายไปปฏิบัติ) มาบ่อยมากแล้ว เปลี่ยนตัวครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วอ้างว่าเป็นเพราะอยู่นาน พูดอย่างนี้เหมือนเห็นคนฟังโง่ หรือมิฉะนั้นก็ไม่รู้หลักการบริหารจริงๆ ผู้บริหารมีหน้าที่กำหนดนโยบายและมีอำนาจมีปัจจัยในการควบคุมให้เป็นไปตามนั้น หากไม่เป็นไปตามนั้น มันก็เป็นความบกพร่องของผู้บริหารนั่นแหละ ทำไมนะมีทั้งอำนาจทั้งปัจจัย ใช้อย่างสุดเหวี่ยง พอไม่สำเร็จแล้วก็ยังมาชี้ลูกน้องอยู่ได้ …..