ใน เอกสารประกอบชุดที่ 2 จะเห็นวิธีการ Camouflage ของบรรดาสัตว์ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสังเกตตนเอง เพื่อความอยู่รอด หรือเพื่อเข้าโจมตีทำร้ายอีกฝ่าย
การปลอมตัวหรือพรางตาจึงเป็นเทคนิคที่ใช้กันโดยทั่วไปในโลกนี้
ผู้ชุมนุมเป็นกลุ่มที่เดือดร้อนจากการคอร์รัปชั่นของนักการเมือง มีความรักชาติและสถาบันที่เป็นองค์ประกอบหลักของชาติ และได้ศึกษามาพอที่จะมองเห็นแล้วว่า หนทางปกติในการแก้ไขปัญหา ไม่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่จะได้รับผลกระทบเลวร้ายต่อไปในอนาคตคือลูกหลานของพวกเขาเอง
ดังนั้น ลักษณะร่วมของผู้เข้าชุมนุมส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีรายได้ คนวัยทำงาน ครอบครัว และนักศึกษา จึงไม่มีลักษณะกุ๊ย ชั่ว หรือไร้สติปัญญา (ดู เอกสารประกอบชุดที่ 3)
การชุมนุมอยู่ในลักษณะมีระบบระเบียบ มีสันติ มีความเป็นอารยะ ที่พิสูจน์มาแล้วถึงร้อยกว่าวัน โดยไม่ไม่มีการพกอาวุธเพราะเป็นที่ชัดเจนว่าหากถูกตรวจจะได้รับข้อหา เป็นเหตุให้การชุมนุมต้องสิ้นสุดลง จึงมีติดตัวได้เฉพาะเครื่องใช้ไม้สอยที่พอจะอาศัยป้องกันอันตรายเป็นรายบุคคล เช่น ร่ม อุปกรณ์กีฬา
เมื่อฝ่ายตรงข้ามต้องการให้การชุมนุมสลาย มีวิธีเดียวก็คือ ต้องทำให้การชุมนุมผิดกฎหมาย
ในเมื่อผู้เข้าชุมนุมไม่กระทำผิดกฎหมาย การจะสลายการชุมนุมโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมความดีงามใดๆ ก็คือต้องปลอมตัวเข้าไปกระทำการแทนแล้วยกความผิดให้
… ใส่อาวุธเข้าไปแล้วตั้งข้อหาซ่องโจร จนถึงกบฏ ... ใส่ความรุนแรงเข้าไปแล้วตั้งข้อหาก่อความไม่สงบ …
แค่ให้พวกกล้าทำชั่วผูกผ้าสีเหลือง ใส่หมวกเหลือง ใส่เสื้อเหลือง หรือไม่ต้องใส่สัญลักษณ์ใดๆ เข้าไปทำท่าเป็นผู้ชุมนุม ก็เป็นการ Camouflage ที่ทั้งต้นทุนถูกและง่ายดาย ซึ่งมีผู้ขานรับที่จะมองเห็นบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ชุมนุมกันมากมาย
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเน้นย้ำว่า ในเมื่อเป็นที่ทราบกันแล้ว ว่าการใช้วิธี Camouflage เข้าไปปะปนในที่ชุมนุมเพื่อกระทำผิดกฎหมายแล้วยัดเยียดข้อหา สามารถทำได้โดยง่าย การยึดสัญลักษณ์ที่ใช้ทำ Camouflage เป็นสิ่งบ่งชี้ผู้ชุมนุมเวลาตรวจพบกรณีผิดกฎหมาย จึงเป็นการกระทำที่มีเจตนาบิดเบือนกลั่นแกล้งโดยตรง (อ่าน เอกสารประกอบชุดที่ 4-10 เพื่อศึกษาลักษณะการบิดเบือนกลั่นแกล้ง)
ที่เลวร้ายที่สุดคือ กรณีฆ่าคนตาย อาจเป็นการวางแผนล่วงหน้าโดยทั้งฝ่ายฆ่าและฝ่ายถูกฆ่าได้รับการจ้างวานด้วยหน่วยงานเดียวกัน ซึ่งฝ่ายฆ่าใช้วิธีการ Camouflage เพื่อให้เกิดการยัดข้อหาให้กับผู้ชุมนุม
-------------------------------------------------------------------------------------------
… the intent of camouflage is to disrupt an outline by merging it with the surroundings, making a harder target to spot or hit …
http://animals.howstuffworks.com/animal-facts/animal-camouflage-pictures.htm



ไทยทำไทย (ภาพซ้าย)
นปช.รายหนึ่งถูกอาวุธ ลงไปกองกับพื้น ท่ามกลางวงล้อมของฝ่ายพันธมิตร ระหว่างการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย
Comment:
การแสดงภาพผู้แต่งกายที่มีส่วนของสีเหลืองกำลังจัดการคนแต่งกายสีแดงถึงสองภาพในหนึ่งหน้า นสพ. เน้นย้ำให้เกิดการซึมซับว่าพันธมิตรเป็นผู้เข้าทำร้าย นปช.อย่าง โหดร้ายมาก ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี เช่น คอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งกล่าวว่า “การศึกต้องมีมนุษยธรรม … เมื่อศัตรูคนหนึ่งหมดสภาพที่จะสู้รบก็ต้องไว้ชีวิตหรือช่วยพยาบาลถ้าทำได้ อย่าทำร้ายอย่างเมามันทารุณดังที่เห็นในภาพข่าว”
ผู้ที่ซื่อหรืออ่อนประสบการณ์เกินไปจะไม่เฉลียวใจว่า ในความเป็นจริงของโลกที่มี Camouflage เป็นปกติวิสัย ผู้แต่งกายที่มีส่วนของสีเหลืองไม่จำเป็นต้องใช่พันธมิตร วิธีใช้ข้อมูลต้องตั้งข้อสงสัยให้เป็น เช่น
ข้อสงสัยในภาพซ้าย
- ข่าวระบุว่าบริเวณเป็นวงล้อมของฝ่ายพันธมิตร แต่ปรากฏว่าด้านหลังมีผู้โพกผ้าสีแดงยืนเรียงราย แสดงว่าน่าจะเป็นวงล้อมของฝ่าย นปช.มากกว่า
- ลักษณะการยืนเหยียบผู้ที่ฟุบหน้า แสดงท่าเหมือนภาพตำรวจเหยียบประชาชน รวมทั้งยังอุตส่าห์มีไม้สองอันมาแสดงอยู่ด้วย ตาม เอกสารประกอบชุดที่ 7 คล้ายจะเป็นการแสดงเพื่อใช้แก้ภาพพจน์ของฝ่ายรัฐบาลว่า อย่างไรเสียก็เลวพอกัน แต่ความที่เหมือนจนเกินกว่าจะเป็นการบังเอิญ ทำให้ดูแล้วเป็นการสร้างภาพสถานการณ์ด้วยความคิดอ่านที่ค่อนข้างตื้น
- ลักษณะทั้งสามคนที่ยืนเห็นหน้า ไม่เหมือนลักษณะร่วมของผู้ชุมนุมใน เอกสารประกอบชุดที่ 3 แต่เหมือนไปทางอีกฝ่าย ดังแสดงใน เอกสารประกอบชุดที่ 4 และ 5
- ลักษณะการตีและเหยียบรวมทั้งลักษณะการหิ้วแกมลากผู้บาดเจ็บอย่างโหดร้าย ผู้กระทำที่อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายตามปกติจะไม่กล้าโชว์ตัวหราคู่กับการกระทำป่าเถื่อนให้ใครบันทึกภาพ เพราะจะเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี การที่เบื้องหน้าเป็นตากล้อง** แล้วยังกล้าแอ๊คท่าโหดร้าย ทำให้ประเมินได้ว่า ผู้กระทำไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายตามปกติ ทำให้น่าสงสัยว่าจะมีการตกลงให้แสดงฉากนี้
** ใน เอกสารประกอบชุดที่ 8 จะเห็นว่าจำนวนตากล้องไม่ได้มีเพียงแค่ 1-2 คน แต่มีเป็นทีม


ภาพขวาเป็นภาพแอ๊คชั่นขึงขังน่ากลัว แต่ภาพซ้ายแสดงลักษณะเหยาะแหยะไม่ค่อยมีแรงประกอบกับสีหน้าจืดๆเบื่อๆ สองภาพทำท่าเดียวกันแต่คนสลับที่กันและระดับพลังงานต่างกัน ลักษณะจึงสอดคล้องกับการโพสต์แอ๊คชั่นให้ถ่ายภาพมากกว่าจะเป็นเหตุการณ์จริง ด้านหลังของภาพซ้ายเห็นกลุ่มช่างภาพจำนวนมากรอถ่ายอยู่ ทำให้น่าสงสัยว่าทีมถ่ายภาพน่าจะทราบเกี่ยวกับการโพสต์ท่าดังกล่าวเป็นอย่างดี
การแสดงภาพน่ากลัวมีผลสองด้าน ด้านแรกเป็นการข่มขวัญผู้ชุมนุม ด้วยความประสงค์ที่จะลดจำนวนผู้มาชุมนุม เพื่อให้สลายการชุมนุมได้ในที่สุด แต่ผลอีกด้านหนึ่งที่เกิดร่วมด้วยคือ ทำให้เห็นว่าฝ่ายเสื้อแดงซึ่งรู้จักกันในนามของ นปช. เป็นกลุ่มติดอาวุธ ซึ่งส่อเจตนาร้ายในการรุกเข้าไปหาฝ่ายผู้ชุมนุมซึ่งมีประวัติการชุมนุมที่สันติอหิงสาไร้อาวุธมาเป็นเวลายาวนาน แต่เนื่องจากสื่อส่วนใหญ่ถูกภาครัฐครอบงำทำ News blackout ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ผลด้านนี้จึงเป็นที่คาดว่าจะถูกกลบให้หายไปโดยง่าย
ว่ายทวนน้ำ 11 กันยายน 2551
... ที่ตายไปคนเดียวและร่อแร่อีกสอง เป็นพวก นปช. ด้วยฝีมือ (ปืน) และฝีตีนการ์ดพันธมิตรฯ นะครับ ...
… BBC ถ่ายคลิปเผยแพร่ทั่วโลกเห็นชัดว่า การ์ดพันธมิตรฯ ชักปืนออกมาซัลโว นปช. …
------------------------------------------------------------------
... ขณะที่ พ.ต.อ.วิบูลยุทธ สันทัดเวช ผกก.สน.นางเลิ้ง กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ได้นำภาพวีดีโอ ที่ตำรวจ191 สามารถจับภาพผู้ก่อเหตุใช้ปืนยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ไปให้เจ้าหน้าที่กองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) สเกตช์ภาพ จากนั้นจะนำเสนอให้ พล.ต.ต.ลิขิต ที่รับผิดชอบคดีนี้ พิจารณาว่าจะมีการขออนุมัติหมายจับได้หรือไม่ พร้อมกันนี้ จะแจกภาพสเกตช์ให้ฝ่ายสืบสวนแต่ละ สน.ตรวจสอบบุคคลในภาพพร้อมติดตามตัวต่อไป
------------------------------------------------------------------
คอลัมน์ในสื่อฉบับหนึ่งอ้างอิงเสร็จสรรพว่าคนลงมือฆ่าทำร้ายผู้บาดเจ็บเป็นพันธมิตร ในขณะที่ข่าวในสื่ออีกฉบับหนึ่งระบุว่าตำรวจยังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูล หมายถึงยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ แสดงภาพรวมว่ามีสื่อถูกใช้ในการบิดเบือนข้อมูลที่ออกสู่สังคม
จากการวิเคราะห์ข้อเท็จจริง เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูง ว่ามีการใช้วิธี Camouflage พรางตา จึงไม่สามารถสรุปความเป็นพันธมิตรหรือความเป็น นปช.ด้วยการมองลักษณะภายนอก การด่วนสรุปว่าคนลงมือทำร้ายผู้บาดเจ็บเป็นฝ่ายใดจึงไม่สามารถเชื่อถือได้
ในกรณีมีการใช้ Camouflage เพื่อสร้างข้อหายัดเยียดให้ผู้ชุมนุม และในกรณีสังคมค้นพบว่าภายใต้รัฐบาลนี้ ตำรวจได้ถูกกำหนดให้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับฝ่ายกุ๊ยอันธพาลในความพยายามสลายผู้ชุมนุมและควบคุมประชาชนทั้งที่กรุงเทพและอุดรธานี ตำรวจภายใต้รัฐบาลนี้น่าจะหมดเกียรติยศศักดิ์ศรี เพราะสิ่งที่ทำคือหน้าที่ขี้ข้ามาเฟียล้วนๆ
หากตำรวจไม่สามารถรับประกันการทำงานที่ได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม เราก็คงคาดเดาคำพูดจากภาพได้ดังนี้
“ที่เห็นข้างหน้านี้คือหลักฐานครับท่าน”
“อืมม์ ดูคุ้นๆ ... อันไหนไม่ใช่ของเรา?”
…